วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

โมงยามของความฝัน

ผมไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเผลอนั่งเหม่อให้ห้วงคำนึงของตนเองนั้น ได้โบยบินไปนานแค่ไหนแล้ว
มารู้สึกตัวเองอีกครั้ง เมื่อปุยฝนจับเป็นไรชื้นบนใบหน้า เมล็ดฝนบางๆมาเยือนเป็นคำรบสอง
ทว่าผมยังนั่งตำแหน่งเดิม ใต้ร่มไม้ครึ้มใหญ่

ขึ้นมาเชียงใหม่ก็หลายครั้ง เห็นร้านนี้มานาน แต่ไม่มีโอกาสสักครา นี่เลยเป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนร้านกาแฟอันสวยงาม
"ทำไมถึงสวยงามเช่นนี้" อดเผลอรำพึงออกมาไม่ได้
แทบทั้งร้านเสมือนถูกโอบกอดด้วยอุ่นรักของต้นไม้ เสมือนเจ้าของร้านจะรักต้นไม้มาก เพราะการออกแบบร้านนั้นแทบจะไม่เข้าไปเปลี่ยนแปลงสภาพเดิมของต้นไม้ แต่ตัวเรือนบ้านเสียเองเล่า กลับต้องออกแบบให้หลบหลีกการดำรงอยู่ของพงพนา ด้านหลังร้านมีต้นไม้สูงใหญ่ยืนต้นอยู่ พร้อมร่มเงาเป็นที่กำบัง ลม แดด ฝน ให้แขกที่มาเยือนได้พำนักอย่างมีความสุข ร่มไม้ที่ครึ้มได้ตระหง่านโอบยื่นมาข้างหน้า จนแผ่ขยายคลุมร้านทั้งร้านให้ร่มเย็น

...รักก็เป็นเช่นนี้แหละ ยินยอมทุกอย่าง เพื่อให้สิ่งที่ตนรักนั้นเป็นสุข...

การมาเชียงใหม่ครั้งนี้ แม้นจะเป็นช่วงเวลาอันนสั้น แต่กลับตอกย้ำแรงปราถนาในสิ่งที่ต้องการทำให้ชัดเจนกว่าเก่า อาจจะเรียกได้ว่าตกผลึกมากกว่าเดิมก็ว่าได้

เมื่อวานผมใช้เวลาทั้งวันไปกับการไปเยือนพี่ชายคนหนึ่งที่รู้จักกันมานาน เราไปดูสถานที่แห่งหนึ่งด้วยกัน เราเคยคุยกันถึงความฝันที่แต่ละคนอยากทำ และมาร่วมมือกัน พื้นที่แห่งนั้นห่างไกลจากชุมชน สงบ โอบล้อมด้วยป่าไม้ มีสายน้ำไหลผ่าน มองไปเบื้องหน้านั้นเหล่า ก็เห็นขุนเขาชราที่ถูกเมฆหมอกปกคลุมเรือนยอด เด่ด ตระหง่านอยู่ข้างหน้า

เห็นแล้วต้องฉงนฉงาย นี่คือสวรรค์ หรือ ความฝันกันแน่หนอ

เป็นพื้นที่ที่เราจะทำเป็นสถานที่เรียนรู้เรื่องหลักสูตรการฝึกอบรมภาวะด้านใน เรียนรู้เรื่องสุขภาพบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติ เรียนรู้ศาสตร์และศิลป์แห่งการเยียวยาจิตวิญญาณ เราเดินดูพื้นที่ด้วยกันทุกซอกมุม พร้อมทั้งการแลกเปลี่ยนสนทนาอย่างถูกคอและออกรสชาติ ภาพที่เห็นเบื้องหน้านั้น คือ จินตภาพที่ร่ายรำออกมาจากความฝันอันงดงาม ทุกสิ่งเป็นฝันที่ตกผลึกทางความคิดมายาวนาน และตั้งใจกระทำมากที่สุด

เป็นฝันที่ผมอยากทำ แม้นจะเป็นพื้นที่เล็กๆไม่มีใครเห็น แต่ผมก็เป็นสุขที่ให้ฝันนั้นเป็นตัวตน

...นึกถึงใครบางคน ที่อยากให้ร่วมปันฝัน...

แท้จริงแล้วการตกผลึกทางความคิดนั้น จะเป็นไปตามช่วงวัย ประสบการณ์ การเรียนรู้อย่างเท่าทันทางสังคมก็อาจจะเป็นอีกส่วนหนึ่ง ทว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การตรวจสอบ หรือการสอบสวนภาวะแห่งกระตระหนักรู้ของตนเอง ว่าได้เจริญงอกงาม หรือ ยังยึดมั่นในฝัน แรงปราถนาแห่งตนหรือเปล่า หรือว่าเผลไผลไปกับสิ่งล่อหลอกรอบด้าน

สำหรับผมนั้น เป็นสุขยิ่งที่ได้เดินตามฝันของตนเองมาตลอด แม้นว่าขวากหนามระหว่างทางจะฝากแผลไว้ไม่ลบเลือน

กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็ถูกสายฝนกระหน่ำลงมาตักเตือนว่าตื่นได้แล้ว
ผมเหงยหน้าเหม่อมอง ยิ้มให้กับสายฝน ร่มไม้ สิ่งรอบด้าน

ขอบคุณนะ ที่ให้ฉันได้เรียนรู้เส้นทางอีกสายหนึ่ง
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เปิดโอกาสให้ฉันได้โบยบินไปตามขอบรุ้งหลากสี

ไม่มีความคิดเห็น: