วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2551

วันเวลาที่เหลืออยู่



ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า
ที่ผ่านมาใยเส้นใยแงชีวิตนั้น มักผันแปรตลอดเวลา
ใยโมงยามของจังหวะชีวิต มักตกต่ำ แลขึ้นลง อย่างไม่คาดฝัน
ใยละครของโลกใบนี้ ถึงเร่งเร้าให้เราโลดแล่นในบทบาทที่เราไม่พร้อมที่จะแสดง

เวลาของชีวิตเป็นเช่นไรหนอ...
ชีวิตนี้.. เราขีดเส้นเองหรือ...
ชีวิตนี้.. ถูกกำหนดด้วยตัวตนของใครกันแน่
แล้วเรามีตัวตนไว้เพื่ออะไร...

หลายครั้งที่ผมมักเฝ้าเพียรถามตนเอง ด้วยการผ่านบทสนทนากับดวงดาว
ดาวบนฟากฟ้าไม่ได้บอกให้เรา รู้สึกว่าเราเป็นเพียงตัวน้อยนิดอันแสนไร้ค่าของจักรวาลหรอกนะ
แต่ดวงดาวยามราตรี มักจะบอกผมเสมอว่า
ชีวิตคนเรานั้นก็เหมือนเกล็ดดาวยามราตรีกาลนั่นแหละ
การรวมกันในความมืดมิดอ้างว้าง...ย่อมส่องสกาวไล่ความเงียบเหงา
แล้วคลี่คลายสู่ความสดชื่นได้..
ดวงดาวเพียงดวงเดียว ก็มีคุณค่า หากเราให้ความสำคัญกับตนเอง
ผมไม่รู้ว่า...โมงยามของชีวิตที่ผ่านมา จังหวะชีวิตได้เล่นตลกอะไรกับผมไว้บ้าง
ทว่าสิ่งหนึ่งที่ตระหนักรู้คือ
ห้วงยามของชีวิตที่แปรผันนั้น อย่างน้อยก็สอนให้เราตระหนักรู้ว่า...
ชีวิตเรา แม้จะดำรงอยู่อย่างรู้เท่าทันก็ตาม
ทว่าอีกด้านหนึ่งที่เป็นเงามืดของมัน
ก็เป็นมายาที่พร่าลวงให้เราหลงระเริง และเพลี่ยงพล้ำได้เช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น: