วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เรียนรู้จิตด้วยใจ 1 "ฉันเป็น Translator นะเฟ้ย"

เมื่อช่วงต้นๆเดือน ได้รับโทรศัพท์มาจากศูนย์สมาธิ ที่ปราจีนบุรี ถามผมว่าช่วงนี้ว่างมั้ย
อยากจะให้ไปเป็นล่าม ช่วยอาจารย์ผู้สอนหน่อย เพราะอาจารย์ท่านนี้ไม่เก่งภาษาปะกิตเอาเสียเลย
และคอร์สครานี้ มีศิษย์ทะลักเข้ามามาก ต่างชาติก็เยอะ

ใจง่าย ครับ...
รับปากเลย อาจจะเป็นไปด้วยหลายเหตุผล อาทิ คิดถึงวันเก่าๆเมื่อก่อนที่เคยไปเป็นล่ามช่วยอาจารย์ แต่ช่วงหลังซาลงไปเยอะมาก เพราะอาจารย์รุ่นใหม่พูดปะกิตซะน้ำไหลไฟดับ ข้าพเจ้าผู้ซึ่งได้แค่ สเนกๆฟิตๆ เลยกระดากใจถอยห่างออกมา เมื่อได้รับการติดต่อเลยตื่นเต้นปนประหม่า

แต่ก็เผลอลืมตัวเหมือนกันนะ... ช่างน่าละอาย ที่ภูมิอกภูมิใจเสียเหลือเกิน
ตอนที่เดินทางไปศูนย์วิปัสสนา ศิษย์เยอะมากๆ จนใจแป่ว เห็นแต่หัวทองๆ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เอาฟ่ะ ไม่ใช่ภาษาพ่อ ภาษาแม่ เราพูดไปให้มันเดาตามไป จะได้สนุกสนานกันถ้วนหน้า

ไปถึงก็ได้รับทราบว่า ห้องพักทั้งหมด เต็มครับ woker ทุกคนตนพยายามหาที่นอนกันเองไม่ยกเว้นกระทั่งผม ผู้จัดการมากระซิบบอกผมว่า พี่หาให้เธอได้ดีที่สุดแล้วนะ นั่นคือ ห้องเก็บของ แต่มันรกมากๆ ไม่มีใครทำความสะอาดมานานแล้ว

ทำเอาผม..อึ้ง..
..อึ้ง.. และก็..อึ้ง..

อัตตาเลยตามมา
กูเป็น "ล่าม" นะเฟ้ย
แล้วไม่ได้ตั้งใจจะมาด้วย พวกคุณโทรมาหาด้วยเสียงออดอ้อนเองนะ เพราะหาคนมาไม่ได้ เพื่อนผมที่เป็นล่ามมันไม่ว่าง นี่ผมยอมสละเวลามาช่วยนะ นี่ต้อนรับกันอย่างนี้เลยเหรอ
เก็บไว้ในใจ ไม่ได้พูดออกมาหรอกครับ
แหะ...แหะ... ไม่กล้า

พอไปพบอาจารย์ที่ต้องช่วยแปล ระหว่างที่สนทนาทำความรู้จักกันและกัน ทั้งซักซ้อมความเขาใจช่วงเวลาที่ต้องช่วยแปลเสร็จเรียนร้อยแล้ว อาจารย์ก็เกริ่นออกมาว่า ทราบว่า คอร์สนี้ศิษย์มากๆ ห้องไม่พอสำหรับ worker ข้างล่างบ้านอาจารย์มีห้องว่าง 1 ห้อง ผมเลยเสียบทันทีเพื่อหนีห้องเก็บของ กระหยิ่มใจว่า สบายแล้วงานนี้

ทว่า หาได้กลับเป็นเช่นนั้นไม่...
เมื่อลงไปดู ห้องพักด้านล่างที่อาจารย์บอกนั้น ก็คือ ห้องเก็บของที่ผู้จัดการบอกผมนั่นเอง
เหวอไม่เป็นท่า แต่ก็มีสติกลับมา รู้สึกละอายใจตนเองที่ให้อารมณ์มาครอบงำอยู่ได้ตั้งนาน ทุกสิ่งที่เกดิขึ้นมามีไว้พื่อเรียนรู้ใจและจิตของตน ภาวะที่ร้อนรุ่มนั้นเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่หวังไม่ได้ดั่งใจ ไม่ประสบกับสิ่งที่ต้องการ ผมเลยทดลองเรียนรู้ภาวะตรงนั้นว่า จิตจะเคลื่อยกายต่อไปยังไง

ใช้เวลาในการปัดกวาดเช็ดถู อยู่ครู่ใหญ่ เอาที่นอนหมอนมุ้งมาปู ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ มุมหนังสือ พรมเช็ดเท้า เพื่อให้ห้องมีสภาพที่น่าอยู่ เหมาะที่จะอาศัยในระยะเวลาอันสั้น เมื่อมีเวลาเหลือ ก็ออกสำรวจบริเวณรอบๆห้อง พบว่าสงบและร่มรื่นย์มาก พื้นอิฐแดงที่ปูเรียงรายออกไปนั้นครึ้มเขียวด้วยมอสฉ่ำน้ำ ส่วนด้านบนหลังคานั้นก็ปกคลุมแทบมิดด้วยร่มเงาไม้ใหญ่ ถัดออกไปด้านหน้าประมาณ 3 เมตร เป็นดงต้นไม้หลากหลายพันธุ์ที่แย่งเบียดกันสูงชะลูด ส่วนด้านซ้ายของกระท่อมก็เป็นหนองน้ำใหญ่ มีกอดอกบัวแซมเป็นพุ่มๆ สวยงามมาก

ใต้ร่มใม้ใหญ่ข้างหนองน้ำ เป็นสถานที่เหมาะให้ผมนั่งพำนักอย่างเงียบๆ สายลมโชยมาอ่อนๆนำกล่นดอกโมกให้โชยหอมละมุน ยามที่สายตาจับจ้องดอกบัวในหนองนั้น จิตเริ่มนิ่งสงบแทบจะรับรู้ได้ถึงความว่างระหว่างความเงียบ

"แปลกนะ" เสียงรำพึงที่ก้องมาจากสำนึกกระทบโสตประสาท เราทุกผู้นามต่างมีหัวโขนที่สวมแตกต่างกันไป มีทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ทำให้เกิดการแบ่งแยกชนชั้นในสังคม ชนชั้นสูล กลาง ล่าง ทั้งฐานะ หน้าที่การงาม เงิน ทาง ลาภ ยศ สรรเสริญ ทำให้เกิดการโอ้อวด ภูมิใจในความเด่น และเก่งกาจเหนือกว่าคนอื่น เป็นการสร้างอัตลักษณ์และอัตตาในตัวเอง เหล่านี้เป็นจุดเริ่มของการสร้างแปลกแยกและขัดแย้งกันเองของมนุษยชาติในโลกใบนี้

ในโลกแห่งโลกียะ.... หากใช้ชีวิตอย่างไร้สติ มัวเหมาด้วยอวิชชา เราทั้งผองก็จะมีความทุกข์ระทม ผมไม่อาจปฎิเสธตัวเองได้ว่า ยามที่พลั้งเผลอแห่งสัมปะชัญญะ ก็ตกในสังสารวัฎแห่งความทุกข์กับเขาด้วยเหมือนกัน

โลกภายในกายจะสะท้อนออกมาเป็นภาวะการกระทำที่กระทบโดนตรงกับโลกภายนอก ยามที่เราทุกข์ระทม เราจะรู้สึกได้ถึงความเศร้าหมองของโลก ทว่าในช่วงเวลาของสถานที่เดียวกัน เมื่อใดที่เราเบิกบานเ เราจะพบเห็นการเริงระบำของดอกไม้ และเสียงบอกเล่าตำนานจากผูภา

สรพพสิ่งล้นเกิดจากการกำหนดและตระหนักรู้ถึงแห่งภาวะจิตภายในกาย ดั่งเช่นผม ยามที่ขุ่นมัวนั้น มองไม่เห็นถึงความงดงามรอบข้าง จิตเต็มไม่ด้วยอวิชชาแห่งโมหะ ทว่ายามเมฆหมอกของความชั่วร้ายคลี่คลายออกไป พบว่าสถานที่แห่งนั้นเรียบง่ายอย่างงดงาม ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เหตุอันเกิดแต่จิตหรอกหรือ

การเรียนรู้ ขัดเกลา ฝึกฝนจิตนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เป็นการฝึกถึงการเท่าทันในภาวะตระหนักรู้ยามเมื่อเราต้องเผชิญทุกสิ่งในภาวะที่ไม่คาดคิด ฝึกปล่อยวางจากการคาดหวัง

บทเรียนครั้งนี้ น่าละอายใจตัวเองนัก แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง นี่ก็คือครู ที่เข้ามาทดสอบเราเป็นระยะๆ ว่าแท้จริงแล้วภาวะแห่งการะเรียนรู้ถึงการปล่อยวางนั้นเป็นเช่นไร...

........May all being live in peace happiness and harmony.................

ไม่มีความคิดเห็น: